คำพิพากษาล่าสุดที่ 15117 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2024 ซึ่งออกโดยศาลเมืองอูดีเน ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของอาหาร และการแยกแยะระหว่างการกระทำผิดทางปกครองและการกระทำผิดทางอาญา การตัดสินใจนี้มุ่งเน้นไปที่กรณีเฉพาะของการปนเปื้อนของแฮมอันเนื่องมาจากการใช้ยาฆ่าแมลงเพื่อการกำจัดแมลงในห้องบ่ม เรามาวิเคราะห์รายละเอียดและผลกระทบของคำพิพากษานี้กัน
ในกรณีที่พิจารณา จำเลยต้องรับผิดชอบต่อการฉ้อโกงทางการค้า เนื่องจากการครอบครองแฮมที่ปนเปื้อนจากการบำบัดเพื่อกำจัดแมลงด้วยยาฆ่าแมลงแบบพ่นฝอย ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับอาหาร อย่างไรก็ตาม ศาลได้ปฏิเสธการเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงทางการค้า โดยระบุว่าเป็นการกระทำผิดทางปกครองตามมาตรา 6 วรรค 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 193 ปี 2007
การปนเปื้อนของแฮมอันเนื่องมาจากการใช้ยาฆ่าแมลงเพื่อการกำจัดแมลงในห้องบ่ม - การเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงทางการค้า - การปฏิเสธ - การเข้าข่ายการกระทำผิดทางปกครองตามมาตรา 6 วรรค 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 193 ปี 2007 - การมีอยู่ การกระทำของผู้ที่ครอบครองแฮมเพื่อการขาย ซึ่งได้รับการเก็บรักษาในช่วงการบ่มในห้องที่ได้รับการบำบัดเพื่อกำจัดแมลงด้วยยาฆ่าแมลงแบบพ่นฝอย ซึ่งการใช้งานดังกล่าวเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับอาหาร ถือเป็นการกระทำผิดทางปกครองตามมาตรา 6 วรรค 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 193 วันที่ 6 พฤศจิกายน 2007 และไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงทางการค้า
หลักการนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกฎระเบียบที่บังคับใช้เกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร และเจตนาของผู้บัญญัติกฎหมายในการปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค พระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 193 ปี 2007 ได้กำหนดกฎที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้สารเคมีในการบำบัดอาหาร และคำพิพากษาได้ชี้แจงว่าการละเมิดกฎเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การบังคับใช้บทลงโทษทางอาญาที่กำหนดไว้สำหรับการฉ้อโกงทางการค้าโดยอัตโนมัติ
คำพิพากษานี้ให้ภาพรวมที่เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการกระทำผิดประเภทต่างๆ ในภาคอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้:
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 15117 ปี 2024 ถือเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญในสาขากฎหมายอาหาร โดยชี้แจงว่าการปนเปื้อนของอาหารที่เกิดจากการปฏิบัติที่ต้องห้าม ถือเป็นการกระทำผิดทางปกครอง ไม่ใช่ความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกง การแยกแยะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเพียงพอ และมีการกำกับดูแลภาคอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ