คำพิพากษาที่ 32355/2024 ซึ่งออกโดยศาลฎีกา ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับข้อกำหนดของความเฉพาะเจาะจงที่อัยการต้องปฏิบัติตามเมื่อยื่นอุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธมาตรการป้องกัน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการรับรองการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาและความสิทธิของคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง
ศาลได้ประกาศว่าการอุทธรณ์ของอัยการที่อ้างอิงเพียงเนื้อหาของคำร้องขอมาตรการป้องกันเดิมนั้นไม่สามารถยอมรับได้ หลักการนี้ตั้งอยู่บนความจำเป็นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของความเฉพาะเจาะจง ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรา 310, 581 และ 501 ความเฉพาะเจาะจงถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการรับรองคำชี้แจงที่เพียงพอและการประเมินผลที่มีประสิทธิภาพโดยผู้พิพากษา
ข้อกำหนดของความเฉพาะเจาะจง - ความจำเป็น - ลักษณะ. การอุทธรณ์ของอัยการต่อคำสั่งปฏิเสธมาตรการป้องกัน โดยให้เหตุผลเพียงแค่การอ้างอิงเนื้อหาของคำร้องขอมาตรการป้องกันเดิมนั้นไม่สามารถยอมรับได้ เนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของความเฉพาะเจาะจง เว้นแต่ในกรณีที่เนื่องจากเหตุผลทางรูปแบบที่ถือว่าครอบคลุม หรือเนื่องจากคำตัดสินที่ชัดเจนของผู้พิพากษาสำหรับการสอบสวนเบื้องต้น การประเมินคำร้องขอดังกล่าวได้ขาดหายไป
คำพิพากษาเน้นย้ำว่าคำชี้แจงในการอุทธรณ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่มีการประเมินที่เพียงพอและเฉพาะเจาะจง คำร้องขอของอัยการอาจไม่มีประสิทธิภาพและไม่เพียงพอที่จะให้เหตุผลในการพิจารณาใหม่โดยผู้พิพากษา ดังนั้น ศาลฎีกาจึงยืนยันว่าการอุทธรณ์ต้องมีข้อโต้แย้งที่ชัดเจนและละเอียด เพื่อให้สามารถทบทวนคำตัดสินที่ถูกโต้แย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 32355/2024 ถือเป็นการย้ำเตือนที่สำคัญถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของความเฉพาะเจาะจงในการอุทธรณ์ของอัยการ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่คุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น แต่ยังรับประกันการบริหารงานยุติธรรมที่ถูกต้องอีกด้วย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายจะต้องตระหนักถึงข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่สามารถยอมรับคำร้องขอของตนเองได้ และเพื่อให้แน่ใจว่าการปกป้องสิทธิของคู่กรณีที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพ