ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยที่ 12888/2016 ซึ่งได้ตัดสินในประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้เสียภาษี นั่นคือ การเก็บภาษีค่าเสียหายที่ได้รับจากการพิพาทเกี่ยวกับการจ้างงาน คำตัดสินนี้ชี้ให้เห็นว่าค่าเสียหายจะถูกเก็บภาษี IRPEF เมื่อใดและอย่างไร โดยได้ชี้แจงประเด็นพื้นฐานที่ผู้เสียภาษีทุกคนควรรู้
คดีที่ศาลฎีกาพิจารณาเกี่ยวข้องกับผู้เสียภาษีที่ได้ขอคืนภาษี IRPEF ที่หักไว้จากค่าเสียหายที่ได้รับจากการถูกลดตำแหน่งงาน คณะกรรมการภาษีภูมิภาคได้อนุมัติคำขอของผู้เสียภาษี แต่กรมสรรพากรได้คัดค้าน โดยอ้างว่าค่าเสียหายดังกล่าวต้องเสียภาษี ศาลจึงต้องตัดสินว่าจำนวนเงินที่ได้รับเป็นค่าเสียหายนั้นต้องเสียภาษีหรือไม่
ศาลได้ชี้แจงว่าจำนวนเงินที่ได้รับเป็นค่าเสียหายสำหรับความเสียหายทางจิตใจ ความเสียหายทางวิชาชีพ และความเสียหายทางร่างกาย ไม่สามารถนำมาเก็บภาษีเป็นรายได้ได้
ประเด็นสำคัญประการหนึ่งของคำพิพากษาคือการจำแนกประเภทของความเสียหายที่แตกต่างกันและการปฏิบัติต่อภาษี:
คำพิพากษานี้มีผลกระทบที่สำคัญต่อผู้เสียภาษีและบริษัทต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ลูกจ้างจะต้องเข้าใจว่าจำนวนเงินที่ได้รับเป็นค่าเสียหายใดบ้างที่ต้องเสียภาษีและใดบ้างที่ไม่ต้องเสียภาษี ในส่วนของบริษัทต่างๆ จะต้องให้ความสนใจกับวิธีการจัดโครงสร้างค่าเสียหายเพื่อหลีกเลี่ยงภาระภาษีที่ไม่คาดคิด
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เสียภาษีจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของตนเองและทำความเข้าใจว่าคำพิพากษานี้จะส่งผลต่อสิทธิและภาระผูกพันทางภาษีของตนเองได้อย่างไร
โดยสรุป คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 12888/2016 ถือเป็นก้าวสำคัญในการชี้แจงการเก็บภาษีค่าเสียหาย โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการจำแนกประเภทของความเสียหายต่างๆ และการปฏิบัติต่อภาษีอย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมและความโปร่งใสมากขึ้นในระบบภาษีของอิตาลี